ประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง ความปลอดภัยในการทํางานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย
อาศัยอํานาจตามความในข้อ 2 (7) แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ 103 ลงวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ.2515
กระทรวงมหาดไทยจึงกําหนดสวัสดิการเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยสํา
หรับลูกจ้างที่ทํางานเกี่ยวกับสารเคมีอันตรายไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดหกสิบวัน
นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ 2 ในประกาศนี้
“สารเคมีอันตราย” หมายความว่า สาร สารประกอบ สารผสม
ซึ่งอยู่ในรูปของ ของแข็ง ของเหลว หรือแก๊ส
ที่มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างดังต่อไปนี้
(1) มีพิษ กัดกร่อน ระคายเคือง ทําให้เกิดอาการแพ้ ก่อมะเร็ง
หรือทําให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัย
(2) ทําให้เกิดการระเบิดเป็นตัวทําปฏิกิริยาที่รุนแรงเป็นตัวเพิ่มออกซิเจนหรือไวไฟ
(3) มีกัมมันตภาพรังสี
ทั้งนี้ ตามชนิดและประเภทที่อธิบดีประกาศกําหนด
“ผลิต” หมายความว่า ทํา ผสม ปรุง ปรุงแต่ง เปลี่ยนรูป แปรสภาพ
และหมายความรวมถึงการบรรจุ เก็บเคลื่อนย้าย
และการติดฉลากหรือตราหรือสัญลักษณ์บนหีบห่อ ภาชนะบรรจุ
หรือสิ่งห่อหุ้มสารเคมีอันตราย
“นายจ้าง” หมายความว่า ผู้ซึ่งตกลงรับลูกจ้างเข้าทํ างานโดยจ่ายค่าจ้างให้
และหมายความรวมถึงผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทํางานแทนนายจ้าง
ในกรณีที่นายจ้างเป็นนิติบุคคล หมายความว่า ผู้มีอํานาจกระทําการแทนนิติบุคคลนั้น
และหมายความรวมถึงผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทํางานแทนผู้มีอํานาจกระทําการแทน
นิติบุคคล
“ลูกจ้าง”
หมายความว่า
ผู้ซึ่งตกลงทํางานให้แก่นายจ้างเพื่อรับค่าจ้างไม่ว่าจะเป็นผู้รับค่าจ้าง
ด้วยตนเองหรือไม่ก็ตาม
“อธิบดี” หมายความว่า อธิบดีกรมแรงงาน
หมวด 1
การทํางานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย
ข้อ 3 การขนส่ง เก็บรักษา เคลื่อนย้าย และกําจัดหีบห่อ ภาชนะบรรจุ
หรือวัสดุห่อหุ้มสารเคมีอันตราย
ให้นายจ้างปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกําหนด
ข้อ 4 ห้ามมิให้นายจ้างขนส่ง เก็บรักษา เคลื่อนย้าย
หรือนําสารเคมีอันตรายเข้าไปในสถานประกอบการจนกว่านายจ้างจะได้จัดให้มีฉลาก
ขนาดใหญ่พอสมควรปิดไว้ที่หีบห่อภาชนะบรรจุหรือวัสดุห่อหุ้มสารเคมีอันตราย
ทุกชิ้นฉลากนั้นจะต้องมีรายละเอียดอย่างน้อย ดังต่อไปนี้
(1) สัญลักษณ์ที่แสดงถึงอันตราย และคําว่า “สารเคมีอันตราย”
หรือ
“วัตถุมีพิษ” หรือคําอื่นที่แสดงถึงอันตรายตามชนิดสารเคมีอันตรายนั้น
เป็นอักษรสีแดงหรือดําขนาดใหญ่กว่าอักษรอื่นซึ่งเห็นได้ชัดเจน
(2) ชื่อทางเคมีหรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ของสารเคมีอันตราย
(3) ปริมาณและส่วนประกอบของสารเคมีอันตราย
(4) อันตรายและอาการเกิดพิษจากสารเคมีอันตราย
(5) คําเตือนเกี่ยวกับวิธีเก็บ
วิธีใช้ วิธีเคลื่อนย้ายสารเคมีอันตรายและวิธีกําจัดหีบห่อ
ภาชนะบรรจุหรือวัสดุห่อหุ้มสารเคมีอันตรายอย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ให้มีสาระสําคัญโดยสรุปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกําหนดตามข้อ
3
(6) วิธีปฐมพยาบาลเมื่อมีอาการหรือความเจ็บป่วยเนื่องจากสารเคมีอันตราย
และคําแนะนําให้รับส่งผู้ป่วยไปหาแพทย์
สําหรับรายละเอียดตาม (4) (5) และ (6) จะพิมพ์ไว้ในใบแทรกกํากับในภาชนะบรรจุก็ได้ฉลากและใบแทรกกํากับให้จัดทํา
เป็นภาษาไทย เว้นแต่รายละเอียดตาม (2) และ (3) จะใช้เป็นภาษาอังกฤษก็ได้
ข้อ 5
ให้นายจ้างที่มีสารเคมีอันตรายในสถานประกอบการแจ้งรายละเอียดต่ออธิบดี
ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่มีสาร เคมีอันตรายไว้ในครอบครองการแจ้งตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกําหนด
ข้อ 6
ให้นายจ้างที่มีสารเคมีอันตรายในสถานประกอบการจัดทํารายงานความปลอดภัยและ
ประเมินการก่ออันตรายของสารเคมีอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง และแจ้งให้อธิบดี
ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่
ประเมินการแจ้งตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกําหนด
ข้อ 7
นายจ้างจะต้องดูแลหรือแก้ไขปรับปรุงมิให้มีปริมาณความเข้มข้นของสารเคมี
อันตรายภายในสถานที่ที่ให้ลูกจ้างทํางานเกินกว่าที่กระทรวงมหาดไทยกําหนด
ในกรณีที่ได้มีการกําหนดปริมาณความเข้มข้นของสารเคมีอันตรายใดไว้ในกฎหมาย
ว่าด้วยความปลอดภัยในการทํางานเกี่ยวกับภาวะแวดล้อม (สารเคมี) ไว้แล้ว
ให้เป็นไปตามนั้น
ข้อ 8
ให้นายจ้างจัดสถานที่ทํางานของลูกจ้างซึ่งเกี่ยวข้องกับสารเคมีอันตรายให้มีสภาพและคุณลักษณะ
ดังต่อไปนี้
(1) ถูกสุขลักษณะ
สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย
(2) มีการระบายอากาศที่เหมาะสม
โดยเฉพาะออกซิเจนต้องมีไม่ตํ่ากว่าร้อยละสิบแปดโดยปริมาตรของบรรยากาศ
(3) มีระบบป้องกันและกําจัด
เช่น ใช้ระบบระบายอากาศเฉพาะที่ ระบบเปียก การปิดคลุม เพื่อมิให้มีสารเคมีอันตรายในบรรยากาศเกินปริมาณที่กําหนด
ข้อ 9
นายจ้างจะต้องแจ้งและปิดประกาศไว้ในที่เปิดเผยห้ามลูกจ้างเข้าพักในสถานที่
ทํางานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย สถานที่เก็บรักษาสารเคมีอันตราย
หรือยานพาหนะขนส่งสารเคมีอันตราย
ข้อ 10 ให้นายจ้างจัดให้มีป้ายแจ้งข้อความว่า “สถานที่เก็บสารเคมีอันตราย
ห้ามเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต” ปิดประกาศไว้ที่ทางเข้าสถานที่นั้นให้เห็นชัดเจนตลอดเวลา
ข้อ 11 ให้นายจ้างปิดประกาศ หรือจัดทําป้ายแจ้งข้อความ “ห้ามลูกจ้างสูบบุหรี่
ดื่มเครื่องดื่ม รับประทานอาหาร หรือเก็บอาหาร” ด้วยตัวอักษรขนาดที่เห็นได้ชัดเจนติดไว้บริเวณที่เก็บรักษาที่ผลิตหรือที่ขน
ย้ายสารเคมีอันตราย และจะต้องควบคุมดูแลมิให้ลูกจ้างกระทําการตามข้อห้ามนั้นด้วย
ข้อ 12
ให้นายจ้างจัดชุดทํางานสําหรับลูกจ้างที่ทํางานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย
และจัดให้มีที่เก็บชุดทำงานนั้นแยกไว้โดยเฉพาะ
ข้อ 13 ให้นายจ้างจัดให้มีที่ชําระล้างสารเคมีอันตราย เช่น ฝักบัว ที่ล้างตา
ไว้ในบริเวณที่ลูกจ้างทํางานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย
เพื่อให้ลูกจ้างสามารถใช้ได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
ข้อ 14 ให้นายจ้างจัดที่ล้างมือ ล้างหน้า
สําหรับลูกจ้างที่ทํางานเกี่ยวกับสารเคมีอันตรายไว้โดยเฉพาะ
ไม่น้อยกว่าหนึ่งที่ต่อลูกจ้างสิบห้าคน และให้เพิ่มจํานวนขึ้นตามสัดส่วนของลูกจ้าง
ส่วนที่เกินเจ็ดคนให้ถือเป็นสิบห้าคน เพื่อใช้ก่อนรับประทานอาหาร ก่อนดื่มเครื่องดื่ม
และก่อนออกจากที่ทํางานทุกครั้ง
ข้อ 15
ให้นายจ้างจัดให้มีห้องอาบนํ้าสําหรับลูกจ้างที่ทํางานเกี่ยวกับสารเคมี
อันตรายไว้โดยเฉพาะ
เพื่อใช้ชําระร่างกายไม่น้อยกว่าหนึ่งห้องต่อลูกจ้างสิบห้าคนและให้เพิ่ม
จํานวนขึ้นตามสัดส่วนของลูกจ้าง ส่วนที่เกินเจ็ดคนให้ถือเป็นสิบห้าคน ทั้งนี้
จะต้องจัดของใช้ที่จําเป็นสําหรับการชําระสารเคมีอันตรายออกจากร่างกายให้
เพียงพอและมีใช้ตลอดเวลา
ข้อ 16
ให้นายจ้างจัดให้มีการตรวจวัดปริมาณความเข้มข้นของสารเคมีอันตรายในบรรยากาศ
บริเวณสถานที่ทํางานและสถานที่เก็บเป็นประจํา ทั้งนี้ ตา
ข้อ 17
ให้นายจ้างจัดให้มีการอบรมลูกจ้างที่ทํางานเกี่ยวกับสารเคมีอันตรายหรือ
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิต เพื่อให้ทราบและเข้าใจถึงกระบวนการผลิต
การเก็บรักษา การขนส่ง อันตรายที่เกิดจากสารเคมี วิธีการควบคุมและป้องกัน
วิธีกําจัดมลภาวะ วิธีอพยพเคลื่อนย้ายลูกจ้างออกจากบริเวณที่เกิดอันตราย
และวิธีปฐมพยาบาลผู้ได้รับอันตรายมสภาพหรือคุณลักษณะของสารเคมีอันตราย
ซึ่งอย่างช้าที่สุดจะต้องไม่เกินหกเดือนต่อหนึ่งครั้ง
และให้รายงานผลการตรวจตามแบบที่อธิบดีกําหนดต่ออธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด
หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายภายในสามสิบวันนับแต่วันตรวจ
ข้อ 18 ในกรณีที่สารเคมีอันตรายรั่วไหลหรือฟุ้งกระจาย
หรือเกิดอัคคีภัยหรือเกิดการระเบิดอันอาจทําให้ลูกจ้างประสบอันตราย เจ็บป่วย
หรือตายอย่างเฉียบพลัน
นายจ้างต้องให้ลูกจ้างทุกคนที่ทํางานในบริเวณนั้นหรือในบริเวณใกล้เคียงหยุด ทํางานทันที
และออกไปให้พ้นรัศมีที่อาจได้รับอันตราย
และให้นายจ้างดําเนินการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบโดยมิชักช้า
ให้นายจ้างแจ้งการเกิดเหตุตามวรรคหนึ่งเป็นหนังสือให้อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด
หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายทราบภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง และรายงานสาเหตุ สารเคมีอันตรายที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนการดําเนินการแก้ไขป้องกันภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่เกิดเหตุ
ข้อ 19
ให้นายจ้างจัดให้มีการตรวจสุขภาพลูกจ้างที่ทํางานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย
ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกําหนด
การตรวจสุขภาพทุกครั้งให้นายจ้างปฏิบัติดังต่อไปนี้
(1) ให้รายงานผลการตรวจสุขภาพของลูกจ้างตามแบบที่อธิบดีกําหนดต่ออธิบดี
ผู้ว่าราชการจังหวัด
หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบผลการตรวจ
(2) เก็บผลการตรวจสุขภาพของลูกจ้างไว้
ณ สถานประกอบการพร้อมที่จะให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้
เป็นเวลาไม่น้อยกว่าสองปีนับแต่วันสิ้นสุดของการจ้างของลูกจ้างแต่ละราย
เว้นแต่มีการร้องทุกข์ว่านายจ้างไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้ หรือมีการฟ้องร้องคดี
แม้จะพ้นเวลาที่กําหนด
ให้นายจ้างเก็บรักษาเอกสารนั้นไว้จนกว่าจะมีคําสั่งหรือคําพิพากษาถึงที่สุด
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
ข้อ 20 การตรวจสุขภาพของลูกจ้างตามข้อ 19
หากพบความผิดปกติในร่างกายของลูกจ้าง
หรือลูกจ้างเกิดเจ็บป่วยเนื่องจากการทํางานเกี่ยวข้องกับสารเคมีอันตรายให้
นายจ้างจัดการให้ลูกจ้างได้รับการรักษาพยาบาลทันที
หมวด 2
การคุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล
ข้อ 21 ให้นายจ้างจัดอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล เช่น ถุงมือ
รองเท้าหุ้มแข้ง กระบังหน้าที่กันอันตรายจากสารเคมีกระเด็น ที่กรองอากาศ
เครื่องช่วยหายใจ หรืออุปกรณ์อื่นที่จําเป็น
ซึ่งทําจากวัสดุที่มีคุณสมบัติสามารถป้องกันสารเคมีอันตราย
เพื่อให้ลูกจ้างที่ทํางานเกี่ยวกับสารเคมีอันตรายใช้หรือสวมใส่
ทั้งนี้ตามความเหมาะสมแก่สภาพและคุณลักษณะของสารเคมีอันตรายแต่ละชนิดลูก
จ้างที่ทํางานเกี่ยวกับสารเคมีอันตรายต้องใช้หรือสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความ
ปลอดภัยส่วนบุคคลที่นายจ้างจัดไว้ให้ตามวรรคหนึ่ง
ถ้าลูกจ้างไม่ใช้หรือไม่สวมใส่อุปกรณ์ดังกล่าวให้นายจ้างสั่งหยุดการทํางาน
ของลูกจ้างทันทีจนกว่าจะได้ใช้หรือสวมใส่
ข้อ 22 ให้นายจ้างจัดอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ที่จําเป็นแก่การปฐมพยาบาลลูกจ้างที่ได้รับอันตรายจากสารเคมีทั้งนี้
ตามที่อธิบดีกําหนด
หมวด 3
เบ็ดเตล็ด
ข้อ 23
ให้นายจ้างเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการดําเนินการให้เกิดความปลอดภัยตามประกาศนี้
ข้อ 24 เมื่อปรากฏว่านายจ้างฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามข้อกําหนดในประกาศนี้
พนักงานเจ้าหน้าที่อาจให้คําเตือนเพื่อให้นายจ้างได้ปฏิบัติการให้ถูกต้อง
ภายในเวลาที่กําหนดไว้ในคําเตือนเสียก่อนก็ได้
ประกาศ ณ วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2534
พลเอก อิสระพงศ์ หนุนภักดี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 108 ตอนที่ 167
วันที่
24 กันยายน 2534
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น